วันศุกร์ที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2555

สื่อมวลชนไทยกับอาเซียน




บทบาทสื่อมวลชนกับการก้าวสู่ประชาคมอาเซียน
ขณะที่ผู้นำกลุ่มประเทศสมาชิกอาเซียนกำลังเร่งขับเคลื่อนความร่วมมือในหลายด้านเพื่อก้าวสู่การเป็นประชาคมอาเซียนภายในปี 2558 ยังมีกลุ่มวิชาชีพหนึ่งที่เป็นความหวังและมีบทบาทอย่างยิ่งที่จะร่วมผลักดันให้ความฝันของคนอาเซียนบรรลุเป้าหมายได้ นั่นก็คือ สื่อมวลชน
ดังนั้น จึงเป็นที่มาของงานสัมมนาเรื่อง “บทบาทของสื่อมวลชนกับการก้าวสู่ประชาคมอาเซียน 2558” จัดโดยสมาคมอาเซียน – ประเทศไทย(ASEAN Association - Thailand)
ในเวทีดังกล่าว มีข้อมูลที่ได้ทำการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนซึ่งเป็นกลุ่มนักศึกษาจำนวน 2,170 คน จากมหาวิทยาลัยชั้นนำในกลุ่มประเทศสมาชิกอาเซียนทั้ง 10 ประเทศ เกี่ยวกับทัศนะคติและการตระหนักรู้เกี่ยวกับอาเซียน รวมทั้งช่องทางที่ทำให้กลุ่มเป้าหมายรู้จักอาเซียนมาจากสื่อใดมาก/น้อยเรียงตามลำดับ ผลสำรวจปรากฏดังนี้
1.ทีวี 78.4 %
2.โรงเรียน 73.4 %
3.หนังสือพิมพ์ 70.7 %
4.หนังสือ 65.0 %
5. อินเตอร์เน็ต 49.9 %
6.วิทยุ 40.3 %
7.กีฬา 34.1 %
8.โฆษณา 31.6 %
9.เพื่อน 27.6 %
10.ครอบครัว 18.2 %
11. ท่องเที่ยว 13.3 %
12.ภาพยนตร์ 12.1%
13.เพลง 9.2 %
14.การงาน 6.1 %
จะเห็นว่า คนรับรู้ข่าวสารเกี่ยวกับอาเซียน จากสื่อทีวีมากที่สุด ขณะที่สื่ออินเตอร์เน็ตมีคนเข้าไปค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับอาเซียนอยู่เป็นอันดับที่ 5 คิดเป็นร้อยละ 49.9 ทั้งที่ปัจจุบัน อินเตอร์เน็ตเป็นสื่อที่คนรุ่นใหม่นิยมใช้อย่างมาก และเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันของคนเรามากขึ้น
ดังนั้น จากผลสำรวจดังกล่าว สะท้อนอะไรบางอย่างได้หรือไม่ว่า ข่าวสารข้อมูลเกี่ยวกับอาเซียนในสื่ออินเตอร์เน็ตยังนำเสนอไม่น่าสนใจ หรืออาจมีรายละเอียดไม่มากพอ ทำไมคนจึงรับรู้ข่าวสารจากสื่ออินเตอร์เน็ตค่อนข้างน้อย
อย่างไรก็ตาม นายวิทวัส ศรีวิหค อธิบดีกรมอาเซียน ชี้ว่า ถึงแม้สื่อทีวี จะทำให้คนรู้จักและรับรู้ความเคลื่อนไหวของอาเซียนมาเป็นอันดับหนึ่ง แต่ถามว่า มีความเข้าใจและตระหนักถึงความสำคัญของอาเซียนในการรวมเป็นหนึ่งสู่ความเป็นประชาคมได้มากน้อยแค่ไหน ก็ยังไม่มีคำตอบที่ชัดเจนในเรื่องนี้ เพราะถึงแม้คนจะรู้จักอาเซียนจากการติดตามข่าวสารทางสื่อทีวีมาก แต่ในข้อเท็จจริงจะเห็นว่า สื่อดังกล่าวนำเสนอข่าวสารเกี่ยวกับอาเซียนน้อยมาก ดังนั้น จึงคาดได้ว่า คนอาเซียนรู้จักอาเซียนในลักษณะผิวเผินหรือแค่ได้ยินผ่านหูจากการโหมประชาสัมพันธ์เพียงบางช่วงบางเวลา เพียงแค่ให้ทราบความเคลื่อนไหว แต่ไม่เจาะลึกรายละเอียดและสร้างความตระหนักถึงความสำคัญของ “อาเซียน”
อีกหนึ่งความเห็นที่มีต่อเรื่องนี้ คือ นายอัครพงษ์ ค้ำคูณ ผู้ช่วยคณบดี วิทยาลัยนานาชาติปรีดีพนมยงค์ มองว่า คนอาเซียนแต่ละประเทศจะมีเอกลักษณ์ที่คล้ายกันอยู่ประการหนึ่งคือ ถือความเป็นอัตลักษณ์ในวัฒนธรรมของตนเองเป็นใหญ่ ไม่มีใครยอมใคร จัดอยู่ในกลุ่มพวกอนุรักษ์นิยม เพราะถือว่า รากฐานเผ่าพันธุ์จากบรรพบุรุษเป็นสิ่งที่ต้องดำรงรักษาไว้ ใครจะมาเปลี่ยนแปลงหรือดัดแปลงไม่ได้ นี่จึงเป็นปัญหาอุปสรรคอีกข้อหนึ่งที่อาจยากต่อการหลอมรวมสู่ความเป็นประชาคมอาเซียน แล้วใครจะมาทลายกำแพงที่กั้นกรอบความคิดเหล่านี้ได้ ก็อยู่ที่สื่อมวลชนนั่นเอง ที่จะสร้างความรู้ความเข้าใจในความแตกต่างหลากหลายทางวัฒนธรรมในเชิงสร้างสรรค์
นายอัครพงษ์ ได้ยกกรณีพิพาทปราสาทเขาพระวิหารระหว่างไทย – กัมพูชา ว่า กรณีนี้ หากไทยเงียบตั้งแต่แรก ไม่ตอบโต้หรือไปเติมเชื้อ ปัญหาเขาพระวิหารก็ไม่ลุกลามบานปลาย ปัญหาที่เกิดขึ้นขณะนี้ เป็นเพราะมีการโยงเอาประเด็นการเมืองไปเกี่ยวข้อง ทำให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์ไปหลากหลายมุม มีการอ้างอิงแผนที่กันหลายฉบับ โต้เถียงกันไปมา จนกลายเป็นปัญหาความมั่นคงระหว่างสองประเทศ ทั้งที่ในสถานที่จริงนั้น มีสักกี่คน ที่ลงไปสัมผัสและเห็นด้วยตาจริงๆ เพราะมันก็แค่เส้นแบ่งในแผนที่ แต่ประชาชนสองประเทศที่อาศัยอยู่ตรงจุดนั้น ก็ยังใช้ชีวิต ทำมาหากิน พึ่งพาอาศัยกันอย่างสงบสุข ปัญหาทั้งหลายเกิดขึ้นจากคนในเมืองหลวงของสองประเทศทั้งสิ้นที่ทะเลาะกันแล้วก็พลอยทำให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ระหว่างรอยต่อสองประเทศต้องเดือดร้อน
“เมื่อเป็นเช่นนี้ สื่อก็ต้องตอบคำถามด้วยว่า มีส่วนหรือตกเป็นเครื่องมือทางการเมืองสร้างความแตกแยกให้เกิดกับอาเซียนหรือไม่ หากใช่ ก็ต้องคิดต่อไปว่า บทบาทสื่อในการก้าวสู่ประชาคมอาเซียนนั้น ต้องมีทิศทางอย่างไร

สอดคล้องกับความเห็นของนายดนัย จันทร์เจ้าฉาย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดีซี คอนซัลแทนส์ แอนด์ มาร์เก็ตติ้ง คอมมูนิเคชั่นส์ จำกัด ที่มาเสนอแนะเกี่ยวกับเทคนิคการประชาสัมพันธ์เชิงสร้างสรรค์ โดยมองว่า อาเซียนเป็นชนชาติที่ไม่ยอมรับในความต่าง แบ่งพวกเรา พวกเขา และบางทีก็มี “พวกมัน” อยู่ในทัศนคติเชิงลบด้วย เพราะฉะนั้น ก็เป็นหน้าที่และเป็นโจทย์ให้สื่อฯ ต้องคิดว่า ทำอย่างไรที่จะพยายามผลักดันความต่างตรงนี้ให้ก้าวสู่การหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวได้

นายดนัย ยังคาดการณ์การบริโภคสื่อของคนอาเซียนในอนาคต ด้วยว่า สื่อแบบ individual media หรือสื่อประเภทส่วนบุคคล จะเข้ามามีอิทธิพลในชีวิตประจำวันมากขึ้น จะเห็นได้จาก ความนิยมติดต่อสื่อสารผ่าน hi5 ,facebook, twitter หรือแม้กระทั่งการส่ง sms แจ้งข่าวสารหรือประชาสัมพันธ์กิจกรรมต่างๆ ที่ยิงตรงเข้าโทรศัพท์มือถือ ซึ่งได้ผลและเจาะกลุ่มเป้าหมายได้ดีกว่าสื่ออื่นๆ ดังนั้น ทำอย่างไร ที่จะใช้สิ่งที่มีอยู่นี้ ให้เป็นช่องทางที่มีประสิทธิภาพและเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายอย่างแท้จริง

ดังนั้น การตั้งเป้าสู่การเป็นประชาคมอาเซียนในปี 2558 จะบรรลุสู่เป้าหมายได้สวยงามมากน้อยเพียงใด ก็อยู่ที่วิชาชีพสื่อมวลชน ซึ่งเป็นหนึ่งวิชาชีพที่มีเกียรติและศักดิ์ศรี จนกล่าวขานได้ว่า เป็นฐานันดร์ที่สี่ และสังคมก็ยังหวังว่า ความเที่ยงตรงและเป็นธรรมก็จะหาได้จาก "ฐานันดรที่ 4" ตลอดมา และตลอดไป

ที่มา : http://www.rbac.ac.th/site/index.php/welcome/article/131/216/en_US/

วันพฤหัสบดีที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2555

ทีวี+อินเทอร์เน็ตลูกผสมความบันเทิง




ทีวี+อินเทอร์เน็ตลูกผสมความบันเทิง
99.99% ของเครื่องรับโทรทัศน์ที่ใช้กันตามบ้านตามช่องเอาไว้รับชมรายการทีวี และดูวิดีโอ
 ผู้ผลิตทีวีคิดกันมานานแล้วว่าทำอย่างไรถึงจะเชื่อมทีวีกับอินเทอร์เน็ตเข้าด้วยกันได้


 คิดกันอยู่ไม่นาน ในที่สุด แอปเปิล อิงค์ ก็ส่งแอปเปิลทีวี กล่องเชื่อมต่อกับทีวีเพื่อเข้าชมรายการอินเทอร์เน็ตทีวีจากแหล่งต่างๆ อย่างยูทูบ รายการทีวีย้อนหลังจาก Netflix สั่งวิดีโอออนไลน์มาดูเรื่องละ 99 เซนต์ หรือราว 30 กว่าบาทไม่ต้องออกไปเช่านอกบ้าน
 นอกจากแอปเปิลทีวีก็ยังมีกูเกิลทีวี ที่จับมือกับพันธมิตรซอฟต์แวร์ และฮาร์ดแวร์หลายค่ายผลิตกล่องเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตกับทีวีสำหรับรับชมรายการบันเทิงผ่านเครือข่ายบรอดแบนด์เช่นกัน
 นั่นเป็นความเคลื่อนไหวในต่างแดน ซึ่งรูปแบบการให้บริการยังจำกัดอยู่ในสหรัฐเป็นหลัก
 สำหรับคนที่ซื้อทีวีจอความละเอียดสูง (เอชดี) มาแล้ว แต่ไม่ค่อยได้มีโอกาสได้ใช้งานคุณภาพจอคมชัดสูงเพราะสัญญาณทีวีที่ส่งผ่านอากาศยังเป็นความละเอียดต่ำ ตอนนี้เริ่มมีทางเลือกใหม่แล้ว
 ที่ผ่านมา ผู้ชมสามารถบอกรับเป็นสมาชิกกับผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตของไทยบางรายอย่าง ทรูวิชั่น หรือ 3 บีบี เพื่อรับชมรายการในรูปแบบเคเบิลทีวีความละเอียดสูง โดยเสียค่าบริการเป็นรายเดือน
  ปัจจุบันเริ่มมีกล่องอุปกรณ์เสริมสำหรับเชื่อมต่อทีวีเพื่อให้เข้าใช้งานอินเทอร์เน็ตวางจำหน่ายตามห้างไอทีหลายแห่ง หนึ่งในนั้นเป็นกล่องที่บริษัท มิกซ์ อินโนเวชั่น (ประเทศไทย) จำกัด นำเข้ามา เพื่อให้เป็นอุปกรณ์มัลติมีเดียรวมทุกอย่างไว้ในกล่องเดียว
 อุปกรณ์รุ่นแรกที่บริษัทนำมาโชว์เมื่อสัปดาห์ก่อนคือ  รุ่น "มิกซี่ วี8"  ซึ่งผู้บริหารมองว่า อนาคตมีความเป็นไปได้ว่าอุปกรณ์ลักษณะนี้จะมาแทนเครื่องเล่นดีวีดี ที่นิยมใช้กันอยู่ในปัจจุบัน
 จุดเด่นของกล่องมิกซี่ วี8 คือ เป็นกล่องที่สามารถนำสายสัญญาณทีวีมาต่อเข้ากับกล่องเพื่อแปลงสัญญาณภาพความละเอียดปกติเป็นสัญญาณภาพแบบเอชดี เพื่อให้สมกับเงินที่ซื้อทีวี เอชดี แอลซีดี มาชม ขณะเดียวกันยังสามารถนำสายแลนจากกล่องอินเทอร์เน็ตบรอดแบนด์มาต่อเข้ากับมิกซี่ วี8 และต่อสายจากกล่องวี 8 ไปเข้าทีวีเพื่อใช้เข้าดูยูทูบ และเว็บทีวี ที่ถูกตั้งโปรแกรมล่วงหน้าไว้ในกล่อง
 นายชินนริทธิ์ โชติสุริยพงศ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท มิกซ์ อินโนเวชั่น (ประเทศไทย) จำกัด เชื่อว่า อุปกรณ์ลักษณะนี้จะสามารถตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้งานทั่วไปได้ เนื่องจากระบบถูกออกแบบมาให้ใช้งานง่าย ประกอบกับคุณสมบัติภาคบันเทิงหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น ดูหนัง ฟังเพลงที่เชื่อมต่อกับฮาร์ดดิกส์พกพา ดูไฟล์รูปภาพจาก SD การ์ด หรือแม้กระทั่งใช้งานอินเทอร์เน็ตผ่านยูเอสบีไวไฟ ดึงข้อมูลคลิปวิดีโอจากยูทูป ฟังเพลงออนไลน์ อัพเดทพยากรณ์อากาศ ได้โดยตรงจากหน้าจอทีวี
 เขามองว่านั่นคือ สิ่งที่คนยุคใหม่กำลังมองหา ในราคา 6,900 บาท พร้อมโปรโมชั่นจูงใจที่เชื่อว่าตรงกับความต้องการของคอบันเทิง
 อนาคตบริษัท มิกซ์ อินโนเวชั่น ตั้งเป้าที่จะพัฒนาเนื้อหาความบันเทิงผ่านช่องมิกซ์แชลแนล พร้อมทั้งจับมือกับพันธมิตรพัฒนาเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับการศึกษา รวมถึงนำเข้าอุปกรณ์เชื่อมต่อในรุ่นอื่นๆ เข้ามาทำตลาดในประเทศไทยเพิ่มเติม
 แต่ถ้าอยากได้อุปกรณ์สารพันบันเทิงในเครื่องเดียวโดยไม่ต้องต่อสายกันระโยงระยาง อดใจรอทีวีอินเทอร์เน็ต ซึ่งผู้ผลิตทีวีหลายค่ายเริ่มปักธงกันแล้ว


พักผ่อนไม่เพียงพอ No More Tear

Audio พักผ่อนไม่เพียงพอ
No More Tear
new single 2012
genie records , Mango Team



ที่มา : http://www.youtube.com/watch?v=Qt2jQYuBY1g&feature=related

iPhone5


เปิดตัวแล้ว!ไอโฟน5




สิ้นสุดการรอคอยกับไอโฟนรุ่นใหม่ ปี 2012 ที่มีชื่ออย่างเป็นทางการว่า ไอโฟน 5 (iPhone 5)

          13 ก.ย. 55  เปิดตัวแล้วอย่างยิ่งใหญ่ เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 12 ก.ย. ที่ผ่านมา ตามเวลาท้องถิ่น (ประมาณ 24.00 น. วันที่ 13 ก.ย. ตามเวลาประเทศไทย) ที่ Yerba Buena Center for the Arts รัฐซานฟรานซิสโก ประเทศสหรัฐอเมริกา กับ iPhone รุ่นใหม่ ปี 2012 ที่มีชื่ออย่างเป็นทางการว่า ไอโฟน 5 (iPhone 5) ซึ่งเปิดตัวพร้อมผลิตภัณฑ์อื่นๆ ด้วย ได้แก่ ไอพอด ทัช เจน 5 (iPod Touch Gen 5) และ นิว ไอพอด นาโน (iPod Nano) โฉมใหม่
          ไอโฟน 5 มาพร้อมหน้าจอขนาดใหญ่ขึ้น 4 นิ้ว (จากเดิม 3.5 นิ้ว) แบบ Retina display ความละเอียด 640 x 1136 พิกเซล (326 ppi) มีความบางเพียง 7.6 มิลลิเมตร ซึ่งบางกว่า ไอโฟน 4 เอส 18% น้ำหนัก ไอโฟน 5 อยู่ที่ 112 กรัม เบากว่า ไอโฟน 4 เอส 20% 

          ไอโฟน 5 ใช้ชิปเซ็ท Apple A6 (มีขนาดเล็กกว่า Apple A5 ถึง 22%) แบบ Quad-core Processor (ประมวลผลเร็วขึ้น 2 เท่า ระบบประมวลผลภาพกราฟฟิค เร็วกว่าเดิม 2 เท่าเช่นกัน) กล้องความละเอียด 8 ล้านพิกเซล พร้อมฟีเจอร์ใหม่ สามารถถ่ายภาพแบบพาโนราม่า 240 องศาที่ความละเอียดของภาพสูงสุด 28 ล้านพิกเซลได้ ปรับปรุงประสิทธิภาพการถ่ายภาพในที่แสงน้อย (Low light) ได้ดีขึ้น ลด noise และชัตเตอร์ได้เร็วขึ้น 40% 

          ไอโฟน 5 มาพร้อมกับระบบปฏิบัติการณ์ iOS 6 ที่เพิ่มความสามารถ Siri ให้รองรับคำสั่งเพิ่มมากขึ้น เปลี่ยนจาก Google Maps มาใช้ Apple Maps แทน ใช้งาน FaceTime ผ่านเครือข่ายโทรศัพท์มือถือได้ เพิ่มแอพพลิเคชั่น Passbook แหล่งรวม boarding pass , การ์ดของขวัญ และคูปองส่วนลด ในที่เดียว ฯลฯ

          สำหรับตัวเครื่อง ไอโฟน 5 กรอบด้านหลังทำมาจาก anodized aluminium (วัสดุเดียวกับ MacBook) ด้านบนและด้านล่าง ไอโฟน 5 (สีขาว) ทำมาจาก ceramic glass ส่วน ไอโฟน 5 (สีดำ) ทำมาจาก pigmented glass ซึ่ง แอปเปิ้ล ระบุว่า วัสดุที่นำมาผลิตไอโฟน 5 อย่าง anodized aluminium เป็นวัสดุแบบรีไซเคิล ยึดหลักมาตรฐาน BFR-free และ PVC-free ไม่เป็นอันตรายต่อธรรมชาติแน่นอน

          ไอโฟน 5 ใช้ nano-SIM card ที่เล็กลงกว่าเดิมถึง 44% ใช้ Dock connector ขนาดเล็กลงเหลือ 8-pin (เดิม 30-pin) แอปเปิ้ลจึงเปิดตัว Lightning to 30-pin Adapter สำหรับเชื่อมต่ออุปกรณ์เสริม ในราคา 29 เหรียญดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 900 บาท และย้ายช่องเสียบหูฟังไปอยู่ด้านล่าง




"ดารา-นักการเมือง"กลุ่มมีอิทธิพลสูงในสังคมเฟซบุ๊ก


ผลสำรวจพบ"ดารา-นักการเมือง"กลุ่มมีอิทธิพลสูงในสังคมเฟซบุ๊ก

ผลสำรวจพบ "วู้ดดี้-บอดี้สแลม-นายกฯ อภิสิทธิ์" มีอิทธิพลสูงสุดในสังคมออนไลน์ เป็นบุคคลที่ผู้มีบัญชีเฟซบุ๊กต้องการเป็นเพื่อนมากที่สุด

 นายสุทธิพันธ์ สุทัศน์ ณ อยุธยา ผู้บริหารสูงสุด สายงานวิจัย บริษัทแอท แวนเทจ เปิดเผยว่า บริษัทได้จัดทำผลวิจัยในหัวข้อ "ใครมีอิทธิพล...บนสังคมเฟซบุ๊ก" โดยทำการสำรวจบุคคลที่ใช้ชีวิตอยู่ในย่านธุรกิจ ซึ่งเป็นกำลังขับเคลื่อนกระแสสังคมบนถนนอโศก จำนวน 339 คน ในหลากหลายกลุ่มอาชีพ  ระดับรายได้ต่ำกว่า 7,500 บาทถึงมากกว่า 1.6 แสนบาทต่อเดือน พบว่าบุคคลในย่านธุรกิจรู้จัก เฟซบุ๊ก 100%  และส่วนใหญ่หรือ 70% มีบัญชีเฟซบุ๊กเป็นของตัวเอง

นอกจากนี้ พบว่าผู้ที่มีบัญชีเฟซบุ๊ก อายุต่ำกว่า 36 ปี อยู่ในวัยเรียนและวัยทำงานมีระดับการศึกษาปริญญาตรี ให้ความสนใจอยากเป็นเพื่อนกับคนดังในทุกวงการ ทั้งดารา นักแสดง พิธีกร นักร้อง นักการเมือง หรือคิดเป็น 66% ขณะที่อีก 34% ไม่สนใจเป็นเพื่อนกับคนดังในวงการบันเทิง แต่ใช้ช่องทางสังคมออนไลน์เพื่อติดต่อเพื่อนคนในกลุ่ม ซึ่งเป็นกลุ่มคนที่มีอายุมากกว่า 37 ปีขึ้นไป มีการศึกษาสูงที่จบการศึกษาในระดับปริญญาโท และมีตำแหน่งงานที่อยู่ในระดับผู้บริหาร

 ทั้งนี้ จากการสำรวจผู้ที่ได้รับความนิยมสูงสุดพบว่า กลุ่มตัวอย่างต้องการเป็นเพื่อในเฟซบุ๊กกับบุคคลในสาขาดารา นักแสดงและพิธีกร และพบว่า วู้ดดี้-วุฒิธร มิลินทจินดา พิธีกรรายการวู้ดดี้ เกิดมาคุย ได้รับความสนใจมากที่สุด 41% รองลงมาได้แก่ พอลล่า  เทเล่อร์  38% ชมพู่-อารยา เอฮาร์เก็ต 34% ขณะที่ศิลปินนักร้องนั้น วง “บอดี้สแลม” ได้รับความสนใจจากคนในสังคมออนไลน์อยากเป็นเพื่อนในเฟซบุ๊กมากที่สุด 48%  รองลงมาคือ กรู๊ฟไรเดอร์ส 31%  แทททู คัลเลอร์ 31% 

 ส่วนในสาขานักการเมือง พบว่า คนในย่านธุรกิจของกรุงเทพฯ ที่เล่นเฟซบุ๊ก ต้องการเป็นเพื่อนในเฟซบุ๊กกับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีมากที่สุด 83%   รองลงมาคือ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร 27%  นายกรณ์ จาติกวณิชย์ 16%

 "จากผลวิจัยจะเห็นได้ว่ากลุ่มคนดัง ทั้งดารา นักแสดง นักร้อง กระทั่งนักการเมืองมีอิทธิพลต่อความสนใจของสังคมเฟซบุ๊ก โดยเฉพาะในกลุ่มที่มีอายุต่ำกว่า 36 ปี ดังนั้นรูปแบบการสื่อสารในสังคมออนไลน์ที่จะมีประสิทธิภาพสูงสุด ควรดึงบรรดาเหล่าคนดังที่อยู่ในความสนใจของผู้ใช้เฟซบุ๊ก มาร่วมสร้างกระแสให้แก่สินค้าและองค์กร เพื่อสร้างโอกาสในการแนะนำผลิตภัณฑ์" นายสุทธิพันธ์กล่าว

เรื่องจริง


เรื่องจริง ซิงเกิ้ลพิเศษจาก Sin (singular)
Written by Sin (Singular)
Produced by โซ่ ETC.
เพลงประกอบภาพยนตร์ "คืนวันเสาร์ถึงเช้าวันจันทร์"





ที่มา : http://www.youtube.com/watch?v=qnGTC8EUUes&feature=related

คลิปหลุด… คลิปฉาว สะท้อนสารพัดความเสื่อมโทรมในสังคมไทย

คลิปหลุด… คลิปฉาว สะท้อนสารพัดความเสื่อมโทรมในสังคมไทย


คลิปหลุด… คลิปฉาว สะท้อนสารพัดความเสื่อมโทรมในสังคม
Mthainews: ในช่วงเดือนที่ผ่านมา ข่าวพาดหัว “สังคมเสื่อม” โผล่ให้เห็นอยู่เรื่อยมาในสื่อต่างๆ โดยเฉพาะผู้ที่ตกเป็นข่าวนั้น เป็นเด็กและเยาวชนที่อยู่ในวัยเรียนแทบทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นการเปลือยเต้า เปลือยอก มีเพศสัมพันธ์ ตบตี ทะเลาะเบาะแว้ง และเรื่องราวเหล่านี้ เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงในสังคม แต่ทว่า เมื่อโด่งดังขึ้นมา ก็หนีไม่พ้นหลักฐานที่เป็น คลิปวีดิโอ ที่บันทึกเหตุการณ์ เห็นหน้า กิริยาอาการแบบชัดเจน
จะว่าไปแล้วจะไปโทษเทคโนโลยีไม่ถูกต้องเสียทีเดียว เพราะเทคโนโลยี ช่วยการสื่อสารได้หลากหลายมีติ ทั้งภาพและเสียง แต่ทว่า เมื่อพฤติกรรมเสื่อมทรามเกิดขึ้นในสังคม นั่นก็เป็นนัยบอกว่า สิ่งเหล่านี้ต้องเร่งแก้ไขปัญหาอย่างเร่งด่วนไม่ว่าจะเป็น
คลิปตบตี จากเด็กนักเรียน นักศึกษา ทั้งที่อยู่ในชุดนักเรียน ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดๆก็ตาม การตบตี ทำร้ายร่างกายย่อมมีความผิด แต่กฎหมายก็ยังไม่รุนแรงพอที่จะทำให้คนพวกนี้เกรงกลัว ท้าต่อย ตบตีกันอยู่เสมอ ซึ่งเรื่องเหล่านี้จะปรากฎให้เป็นเรื่องธรรมดาตามสถานศึกษา แต่เมื่อมีภาพหลักฐานขึ้นมา ก็บ่งชี้ว่า การศึกษาไม่ช่วยอะไร
โดยเฉพาะอย่างยิ่งคลิปด่าตอบโต้กันรุนแรงระหว่างนักเรียนและครูอาจารย์ที่ถูกเผยแพร่ออกมาเมื่อต้นสัปดาห์ ก็เป็นเรื่องที่น่าตกใจเพราะแสดงให้เห็นว่า ปัจจุบันนักเรียนให้ความเคารพครูอาจารย์น้อยลง หรืออย่างไร แต่นั่นก็เป็นเพียงบางส่วนที่เกิดขึ้น
เพราะต้องกลับย้อนมองฝ่ายครูอาจารย์ด้วยว่า ความเป็นแม่พิมพ์ของชาตินั้น มีคุณงามความดี อบรมสั่งสอน เป็นแบบอย่างที่ดีให้เด็กได้เคารพ ยกมือไหว้หรือไม่ ที่ผ่านมามีเหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดจากครูอาจารย์ลงโทษเด็กอย่างรุนแรง ใช้มาตรการที่เข้มจนเกินไปทำร้ายร่างกายนักเรียนได้รับบาดเจ็บบอบช้ำ และที่เป็นข่าวล่าสุด ครูใหญ่ถึงขนาดตบหน้า ขู่ให้เด็กกะเทยแก้ผ้าหากไม่หยุดพฤติกรรมเป็นตุ๊ด ผิดเพศ จนเด็กกินยาพาราเซตามอล พยายามฆ่าตัวตาย อย่างนี้ไม่ใช่ครูดีในสถาบัน  ครูบางคนลงมือข่มขืนลูกศิษย์ก็มีให้เห็น
คลิปฉาว มีเซ็กส์ ของเด็กในวัยเรียน ที่อื้อฉาวเป็นข่าวครึกโครม กับเด็กนักเรียนหญิงราชบุรีวัยเพียง 14 มีเซ็กส์กับนักเรียนชายในโรงหนัง ทว่าถ้าไม่มีกล้องจับภาพเอาไว้ก็คงไม่เกิดเรื่อง แต่ด้วยความที่เป็นสถานที่สาธารณะ ทำเรื่องบัดสีอย่างที่คนโบราณเขาบอก ผลสุดท้ายก็ต้องอับอายกลายเป็นข่าวแทบทุกสื่อ ไม่นับคลิปที่ว่อนเน็ตออกไปน่าเสียใจที่เห็นในทุกอิริยาบท
ไม่ต่างจากกลุ่มเด็กนักเรียน เพชรบุรีกลุ่มหนึ่ง เปิดห้องพักภายในโรงแรมเพื่อมีเพศสัมพันธ์แบบเซ็กส์หมู่ หรือสวิงกิ้งในทุกๆเช้า พบเด็กหญิงอายุ 14 ปี 2 คนอยู่ภายในม่านรูด เป็นข่าวที่น่าเสียใจโดยเฉพาะผู้ปกครอง รู้ที่ไหนอายถึงนั่น หลายคนจึงอยากให้ปัญหานี้เป็นวาระแห่งชาติที่ต้องเร่งแก้ไข เพราะผู้ใหญ่หลายคนต้องคิดหนัก หากจะมีลูกสักคน จะต้องเผชิญกับสังคมที่อบายมุขรอบตัว ไหนจะมีโรคจิตชุกชมในเมืองกรุง เป็นเรื่องที่น่าเศร้าหากลูกสาวถูกคนบ้ากามข่มขืน หรือลูกชายไปข่มขืนใครเข้า คนเสียใจคือคนที่เป็นพ่อและแม่ ที่แทบจะเอาปี๊บมาคลุมหัว
เมื่อย้อนกลับมามองต้นเหตุของปัญหา มีหลายปัจจัยทำให้เด็กไทยบางส่วนขาดความยับยั้งชั่งใจ โดยเฉพาะสื่อที่หลากหลายทั้งอินเตอร์เน็ต ทีวี ที่มีทั้งพฤติกรรมเลียนแบบ สิ่งยั่วยุ อย่างเช่นสาวเปลือกอกวาดภาพในทีวี ก็เป็นสิ่งที่สังคมยังเห็นชอบชั่วดี วิพากษ์วิจารณ์กันครึกโครม หากร่วมมือกันแก้ไขปัญหาโดยเฉพาะสถาบันใกล้ตัวอย่าง ครอบครัว สำคัญที่สุดในการสอดส่องดูแลพฤติกรรม รวมไปถึงการนำไปสู่วาระแห่งชาติ ที่ต้องแก้ไขปัญหากันทั้งระบบ